ค่านิยมของมหาเศรษฐี ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ
หลายคนถามหาเคล็ดลับการสอนลูก ทำอย่างไรให้ลูกค้าใช้เงินเป็น รู้จักประหยัดเก็บออม ปลูกฝังพื้นฐานความคิดที่จะเติบโตเป็นคนรวยมีฐานะมั่นคงและมั่งคั่งในอนาคต เรื่องการใช้เงินเป็นสิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม ต้องสร้างการรับรู้ตั้งแต่เล็กว่าเงินเป็นสิ่งหายากและหมดไปง่าย แต่เงินไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต วัยเด็กเรียนรู้ว่าการแสวงหารายได้ รู้จักแบ่งปัน และใช้เงินอย่างรู้ถึงคุณค่า เรียกว่าปลูกฝังค่านิยมของคนรวยเพื่อเป็นบันไดขั้นแรกสู่เส้นทางเศรษฐีเมื่อเติบโตขึ้น ไม่ว่าอนาคตของเด็กจะเป็นอย่างไร มีความเก่งและถนัดด้านไหน ความรู้เรื่องการบริหารจัดการเงินเป็นพื้นฐานที่ดี อย่างน้อยก็ทำให้มีพอกินพอใช้และอยู่รอดได้
ครอบครัวเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการสร้างฐานะตัวเองให้กลายเป็นเศรษฐีนั้นพ่อแม่ถือเป็นครูคนแรกที่จะอบรมสั่งสอนให้ลูกรู้จักใช้เงิน แม้ว่าลูกยังเด็กอายุไม่กี่ขวบแต่เข้าใจเรื่องวินัยการใช้ชีวิตแล้ว รู้จักตื่นเช้า เข้านอนเป็นเวลา แปรงฟันหลังอาหาร การดูแลเอาใจใส่ให้เด็ก รู้คุณค่าของเงิน ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีประสบการณ์จับจ่ายใช้สอย เพียงรู้ว่าเสื้อผ้าและของเล่นมีราคา รู้จักใช้อย่างถนอม ดูแลไม่ให้ชำรุดเสียหาย เพราะซื้อใหม่เมื่อไรก็หมายถึงความสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น ถ้าใช้ดีๆ ก็จะมีอายุยาวนานช่วยประหยัดเงินได้มาก วิธีนี้ช่วยให้เด็กไม่งอแงเวลาเห็นของเล่นใหม่แล้วอยากได้ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของหลายครอบครัวที่เด็กเล็กมักเอาแต่ใจร้องอย่างได้ของถูกใจเสมอ
สอนลูกว่าหาเงินเก่งอย่างเดียวแต่มีเท่าไรใช้หมด ไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด อยากเป็นคนรวย ต้องรู้จักหาเงินและรู้จักประหยัดไปพร้อมกัน วิกฤตการเงินของคนยุคนี้เกิดจากการนำเงินล่วงหน้ามาใช้สะดวกและง่าย มีบัตรเครดิตกี่ใบก็รูดหมด แม้ว่าพ่อแม่จะมีความสามารถหารายได้เดือนละมากๆ แต่ใช้จ่ายมือเติบจะเป็นตัวอย่างไม่ดี สอนลูกให้รู้ว่าจัดประหยัดไฟและน้ำลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ทำให้มีเงินพอซื้อของอื่นๆ ที่ลูกอยากได้ การออมเงินเพื่อเป้าหมายซื้อของอะไรที่อยากได้เป็นตัวอย่างการออมวิธีหนึ่ง ทำให้เด็กไม่รู้สึกกดดันเกินไป โตขึ้นมาเป้าหมายการหาเงินก็ใหญ่ขึ้น
นิสัยคนรวยส่วนมาก ไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
บรรดามหาเศรษฐกิจทั่วโลกล้วนใช้ชีวิตอย่างสมถะให้ลูกเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนรวย ติดอันดับโลกอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ สอนลูกให้เรียนรู้สิ่งที่ชอบและถนัด รู้จักทำงานด้วยตัวเอง เชื่อหรือไม่ว่าเขาเงินส่วนใหญ่ของเขาบริจาคให้มูลนิธิของ บิลล์ เกตส์มูลค่านับล้านล้านบาท หรือหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่ได้ส่งต่อกิจการให้สืบทอดมรดกแบบไร้เหตุผล บัฟเฟตต์เปิดโอกาสให้ลูกชายคนหนึ่งเรียนรู้การทำงานเป็นเกษตรปลูกข้าวโพด ส่วนคนอื่นก็เดินไปตามความถนัดของตนเองทั้งนั้น เพราะความสำเร็จในชีวิตคือการทำสิ่งที่ชอบให้ก้าวหน้าเจริญรุ่งเรือง เป็นความมั่งคั่งที่มาจากน้ำพักแรง